top of page

เทคโนโลยีของ NMR                                              

Electrolytic Protection ก่อให้เกิดอิเล็กตรอนอิสระในน้ำ (Hydrated Electron)

  •      โดยทั่วไปแล้ว อิเล็กตรอนอิสระ (Free Electrons) จะถูกกักตัวอยู่ในกลุ่มโมเลกุลขนาดใหญ่ของน้ำ (Large Cluster) และจะไม่ถูกปลดปล่อยออกมาในสถานะปกติ​

  •      เมื่อทำการแตกตัวกลุ่มโมเลกุลของน้ำให้มีขนาดเล็กลง (Small Cluster) จึงสามารถปล่อยอิเล็กตรอนอิสระออกมาได้ ก่อให้สนิมแดงหดตัวลงเป็น Magnetite

NMR Pipetector สลายกลุ่มโมเลกุลของน้ำด้วยพลังของ NMR Technology

  •      นิวเคลียสของไฮโดรเจน (Hydrogen Nuclei) ในน้ำมีขั้วแม่เหล็ก (Nuclear Magnetism) คือ N & S เกิดการสะท้อนของคลื่น (Resonates, Nuclear Spin) เมื่อได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic - EM) ในความยาวที่เหมาะสม ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Nuclear Magnetic Resonance Effect หรือเรียกสั้นๆว่า NMR

  • NMR Pipetector ผลิตคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในความยาวที่เหมาะสม และแตกสลายกลุ่มโมเลกุลของน้ำให้เล็กลง

  • ระยะเวลาของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคือ 6 ชั่วโมง​

  • NMR ก่อให้เกิดอิเล็กตรอนอิสระในน้ำหยุดการเติบโตของสนิมแดง และลดขนาดของสนิมแดง เปลี่ยนสถานะเป็นสนิมดำ (Magnetite)

(*วิธีดั้งเดิมอย่างเช่น Ultrasonic สามารถทำให้กลุ่มโมเลกุลเล็กลงได้เพียงเสี้ยววินาที)​

NMR Pipetector ใช้เทคโนโลยี Black Body Radiation เพื่อผลิตคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

  • ทฤษฎีของ Black body radiation คือ วัตถุชนิดหนึ่งที่รวมวัสดุหลายชนิด แผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวช่วยจากภายนอกใดๆ

  • ยกตัวอย่างเช่น Ceramic หรือถ่าน Charcoal เป็นหนึ่งในวัสดุเหล่านั้น

  • Ceramic ผ่านกระบวนการ Sintered ที่ความร้อน 1200 °C เมื่อผ่านกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว สามารถกักเก็บพลังงานความร้อนในตัวเซรามิคได้ ดังนั้น เซรามิคสามารถปล่อยคลื่นอินฟาเรดซ้อนๆกันได้จากกระบวนการนี้

  • ถ่าน Charcoal นั้นผ่านกระบวนการ Carbonized ที่ความร้อนมากกว่า

  • 0 °C ดังนั้น ถ่านก็สามารถปล่อยคลื่นอินฟาเรดได้เช่นกัน

  • จากทฤษฎีนี้ NMR Pipetector ได้รวบรวมวัสดุที่สามารถปล่อยคลื่นต่างๆ และมีความยาวคลื่นที่เหมาะสม กว่า 20 ชนิด ไว้ด้านในตัวอุปกรณ์ โดยไม่ต้องพึ่งพลังงานจากภายนอก

bottom of page